รีวิว Samsung Galaxy J6+ และ J4+ ไอดอลสมาร์ทโฟนจอใหญ่ จอสวย ในราคาที่ไม่แรง
Samsung Galaxy J6+ และ J4+ ไอดอลสมาร์ทโฟนที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเอาใจโอตะของเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 ด้วย Exclusive content ในรูปแบบของแอพฯ ที่มีชื่อตรงตัวว่า BNK48 ซึ่งเป็นแอพฯ ที่ไม่ได้มีอยู่บน Play store ของระบบ Android แต่มีอยู่ในเฉพาะสมาร์ทโฟนของ Samsung เพียงไม่กี่รุ่น โดยที่เจ้า J6+ และ J4+ ที่เราได้รับมารีวิว ก็เป็นสมาร์ทโฟน 2 รุ่นที่มีแอพ BNK48 ติดตั้งอยู่ โดยภายในแอพฯ เราจะได้พบกับภาพ Wallpaper สวยๆ ของน้องๆ BNK48 และ Voice calling เสียงเรียกเข้าหวานๆ ของน้องๆ BNK48 ที่บอกเลยว่าจะทำให้โอตะของ BNK48 ต้องมีฟินอย่างแน่นอน แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆ ที่ไม่ได้คลั่งไคล้กับกลุ้มน้องๆ เราก็ต้องลองมาดูกันว่า J6+ และ J4+ จะมีความคุ้มค่าน่าเลือกซื้ออยู่ในระดับไหนกัน
สามารถคลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

เมื่อตัดความเป็นโอตะของ BNK48 ออกไปก็พบว่า ทั้งรุ่นราคาเบาๆ อย่าง J4+ (4,690 บาท) และรุ่นกลางที่ราคาขยับขึ้นมาอีกหน่อยอย่าง J4+ (7,990 บาท) นั้น ก็ออกอาการ “กั๊กสเปค” อยู่พอควรเลย โดยทั้งสองรุ่นใช้ CPU ของ Snapdragon 425 ซึ่งเป็นชิปรุ่นประสิทธิภาพไม่สูง โดยที่รุ่น J4+ มี RAM เพียงขนาด 2GB ซึ่งถ้าเทียบกับแบรนด์จีนบางแบรนด์ ราคาระดับนี้จะได้ RAM 3GB และจากความรู้สึกในการใช้งาน ก็ต้องบอกว่า J4+ นั้นรู้สึกได้ถึงความหนืดๆ หน่วงๆ อยู่บ้างในบางจังหวะ ตอนที่เปลี่ยนจากแอพฯ ตัวนึงไปเข้าแอพฯ อีกตัวหนึ่ง และจุดที่ต้องบอกว่าหน่วงอย่างชัดเจนคือ การเปิดใช้งานกล้อง ที่กว่ากล้องจะพร้อมถ่ายก็ใช้เวลาไปหลายวินาที ทำให้บางทีก็พลาดจังหวะที่จะถ่ายภาพสวยๆ ไปเลย
ในส่วนของรุ่น J6+ ที่ขยับ RAM ขึ้นมาที่ระดับ 4GB ซึ่ง RAM ขนาดนี้ก็ถือว่าสมราคา แต่ข้อสังเกตคือยังคงใช้ CPU รุ่นเดียวกับ J4+ ซึ่งถ้าจะว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ราคาตัวเครื่องระดับนี้ ควรจะได้ CPU รุ่นที่สูงกว่านี้นะ แต่เมื่อพูดถึงประสบการณ์การจากการลองใช้งานจริง ก็ต้องบอกว่า J6+ นั้นลื่นไหลใช้ได้อยู่ แต่อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่า ถึงแม้ Samsung จะออกลูกกั๊กสเปค แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ Samsung หาศูนย์บริการง่ายกว่าในกรณีที่ตัวเครื่องเกิดปัญหา และด้วยความที่เป็นยี่ห้อที่คนใช้งานเยอะ ทำให้หาเคสสวยๆ ใส่ได้ง่ายกว่า การเลือกซื้อ Samsung ก็น่าจะมีข้อดีอยู่ตรงที่ความอุ่นใจนี่แหละ
บทสรุป Samsung Galaxy J6+ และ J4+
ข้อดี
|
ข้อสังเกต
|
คลิปวีดีโอรีวิว Samsung Galaxy Note 9
สเปคของ Samsung Galaxy J6+ และ J4+
Samsung Galaxy J6+ | Samsung Galaxy J4+ | |
จอภาพ | ขนาด 6 นิ้ว IPS LCD HD+ (1,480×720) (18.5:9) (274 ppi) | ขนาด 6 นิ้ว IPS LCD HD+ (1,480×720) (18.5:9) (274 ppi) |
กล้อง | กล้องหลังคู่ Dual Camera
กล้องหน้าเลนส์เดี่ยว
|
กล้องหลังคู่เลนส์เดี่ยว
กล้องหน้าเลนส์เดี่ยว
|
ขนาด/น้ำหนัก | 161.4 x 76.9 x 7.9 มิลลิเมตร, 178 กรัม | 161.4 x 76.9 x 7.9 mm, 178 กรัม |
หน่วยประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 425 (28 nm) GPU Adreno 308 | Qualcomm Snapdragon 425 (28 nm) GPU Adreno 308 |
หน่วยความจำ | 4/64GB + Micro SD Card สูงสุด 512GB | 2/16GB + Micro SD Card สูงสุด 512GB |
ซิมการ์ด | 2 nano SIMs ใส่ Micro SD Card พร้อม 2 ซิมได้ | 2 nano SIMs ใส่ Micro SD Card พร้อม 2 ซิมได้ |
พอร์ต | micro USB | micro USB |
แบตเตอรี่ | 3,300 mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้) | 3,300 mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้) |
ระบบปฏิบัติการ | Android 8.1 Oreo (ครอบทับโดย Samsung experience 9.5) | Android 8.1 Oreo (ครอบทับโดย Samsung experience 9.5) |
ราคา | 7,990 บาท [6,990 บาท ที่เว็บไซต์ Samsung ประเทศไทย] (ตุลาคม 2018) | 4,690 บาท (ตุลาคม 2018) |
ถึงแม้จะเป็นรุ่นต่ำหมื่น แต่ดีไซน์ดูดี ไม่มี Look cheap
ต้องบอกว่าทีมออกแบบของ Samsung เก่งมาก สมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นของบางแบรนด์อาจดูดีไซน์ไม่สวยงาม หรือบางทีอาจถึงขั้นดูเชยๆ ซึ่งตรงข้ามกับ J6+ และ J4+ ที่ในระหว่างการรีวิว มีคนในออฟฟิศขอหยิบตัวเครื่องไปดู พอได้เห็นความงามแวววาวของแผ่นหลัง ก็คิดกันไปไกลว่าราคาต้องหมื่นอัพอย่างแน่นอน แต่พอได้รู้ราคาเท่านั้นแหละถึงกับแปลกใจว่ามือถือราคาไม่แรง (โดยเฉพาะรุ่น J4+ ที่ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท) ดีไซน์และรูปลักษณ์ของตัวเครื่องมันดูดีแบบนี้เลยเหรอ ถ้าจะพูดว่า ทั้ง J6+ และ J4+ มีรูปลักษณ์ที่ดูดีเกินราคาค่าตัวไปไกล ก็คงไม่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด ความแวววาวของแผ่นหลังดูดีมีรสนิยม ไม่ได้แวววาวจนดู Fake เหมือนมือถือบางรุ่น ต้องบอกว่าใครที่ไม่อยากจ่ายแพง แต่อยากได้มือถือที่ดูดี หยิบขึ้นมาเล่นได้แบบไม่อายเพื่อน ทั้ง J6+ และ J4+ ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความสวยความงามขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล แต่ก็เชื่อว่าแผ่นหลังของ J6+ และ J4+ ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน)
ทั้ง J6+ และ J4+ เป็นจอแบบไร้ติ่ง
ไอดอลสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นที่เราได้รับมาทดสอบ นั้นมีดีไซน์การวางตำแหน่งองค์ประกอบต่างๆ บนตัวเครื่องที่แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกันเลย มีความแตกต่างเพียงในบางจุดเท่านั้น โดยจอภาพทั้งสองรุ่นนั้นสเปคเดียวกันเป๊ะ และเป็นจอภาพแบบไม่มีติ่ง ขนาดจอใหญ่ 6.0 นิ้ว อัตราส่วนภาพแบบจอกว้าง 18.5:9 ความละเอียด 1,480×720 จุด (ความหนาแน่นของเม็ดสี 274ppi) และสำหรับสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาบางแบรนด์นั้นคุณภาพการแสดงผลของจอภาพไม่สู้จะดีนัก แต่กับ J6+ และ J4+ ต้องบอกว่าทำได้ดีในเรื่องคุณภาพการแสดงผล คมชัด และแสดงสีสันได้อิ่มเข้มสวยงามดีเลยหล่ะ ในเรื่องของความสว่างทำได้น่าพอใจ การออกไปใช้งานกลางแจ้งที่มีแดด ต้องปรับความสว่างหน้าจอเอาไว้ที่ระดับสูงสุด (พร้อมปิดระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ) หน้าจอถึงจะสู้แสงได้ ใครที่อยากได้มือถือราคาไม่แรงแต่จอใหญ่ และจอสวย มือถือสองรุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง
และอีกจุดที่ชอบคือระบบ UI ของ Samsung จะมีการแสดงตัวเลขจำนวน Notification แจ้งเตือนบนไอคอนแอพฯ แชท (อาทิ Line, Skype) หรือแอพฯ โซเชียล อย่างเช่น Facebook
ขอบซ้ายตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของ
- ชุดปุ่ม Vol +/- สำหรับเร่ง/ลดเสียง
- ช่องถาดใส่ซิมหมายเลข 1 (ขนาด nano)
- ช่องถาดใส่ซิมหมายเลข 2 พร้อมช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ microSD (รองรับการ์ดได้สูงสุด 512GB)
ขอบซ้ายตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของ
- ช่องลำโพงของตัวเครื่อง
- ปุ่ม Power โดยที่ปุ่ม Power ของรุ่น J6+ นั้นเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่องไปด้วยในตัว
ขอบล่างตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของ
- ช่องเสียบสายหูฟังขนาด 3.5 มม.
- พอร์ต microUSB สำหรับเสียบชาร์จ และถ่ายโอนข้อมูลกับเครื่องคอมฯ
โดยความแตกต่างอย่างชัดเจนทางด้านหลังตัวเครื่องคือ J6+ (เครื่องสีแดง) นั้นมาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวสำหรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ในส่วนของ J4+ (เครื่องสีทอง) นั้นมีกล้องหลังแค่ตัวเดียว และทั้ง 2 รุ่นมีไฟแฟลช 1 ดวงทางด้านหลัง
โดย Samsung Galaxy J6+ ตัวที่เราได้รับมารีวิว มีแถมเคสแบบยางใส แถมมาให้ในกล่องด้วย แต่รุ่น J4+ ไม่มีเคสแถมมาให้นะ
เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือที่ขอบข้างเครื่อง J6+
ความเจ๋งของ Samsung Galaxy J6+ คือการย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาวางไว้ในปุ่ม Power บนขอบซ้ายตัวเครื่องเลย ถึงแม้ปุ่มจะมีขนาดเล็กและบาง แต่ก็สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่องได้รวดเร็วเลย แค่แตะปุ่ม Power นิดเดียวก็ปลดล็อคเครื่องได้ แต่ด้วยความที่ปุ่มปลดล็อคได้ไวมาก ในตอนที่จับถือเครื่องอยู่ในมือ ต้องระวังไม่ให้นิ้วไปวางบนปุ่ม Power ไม่อย่างนั้นจะเป็นการปลดล็อคเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ
J4+ มีระบบปลดล็อคเครื่องโดยการสแกนใบหน้า
มีไอคอนรูปหน้าปรากฏบนหน้าจอในขณะที่ Galaxy J4+ กำลังสแกนใบหน้า
Samsung Galaxy J4+ ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนตัวเครื่อง แต่ก็มีการปลดล็อคเครื่องโดยการสแกนใบหน้ามาให้ใช้งานแทน ลองใช้แล้วก็พบว่าระบบสแกนใบหน้าสามารถทำงานได้ดีในห้องที่มีสภาพแสงสว่าง กดปุ่ม Power แล้วยกเครื่องขึ้นมาส่องหน้าคล้ายการเซลฟี่ ก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้รวดเร็วดี แต่ในห้องที่แสงน้อยมากๆ หรือการใช้งานตอนกลางคืน พบว่าระบบสแกนต้องใช้เวลานานขึ้นในการปลดล็อคเครื่อง และในหลายๆ ครั้งพบว่าไม่สามารถปลดล็อคเครื่องได้ ทำให้เราต้องเสียเวลาใส่รหัส PIN เพื่อปลดล็อคเครื่องเอง บวกกับการสแกนใบหน้านั้นต้องยกเครื่องส่องหน้าในลักษณะเดียวกับการเซลฟี่ ทำให้บางทีก็โดนคนใกล้ตัวแซวเอาว่า “นี่จะเซลฟี่อีกแล้วเหรอ” ทำให้ออกอาการเขินๆ ได้เหมือนกันนะ
กล้องหน้ากล้องหลังของ Galaxy J6+
สามารถคลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
ภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอด้วยโหมด “ไลฟ์โฟกัส” ของ Samsung Galaxy J6+
Samsung Galaxy J6+ มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้าน + 5 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด “ไลฟ์โฟกัส” เบลอฉากหลังให้ตัวแบบดูโดดเด่นได้เลย
กับการถ่ายวิวทิวทัศน์ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็ต้องบอกว่า Galaxy J6+ ถ่ายภาพได้สวยงาม เก็บรายละเอียดได้ดี นำภาพไปโพสต์ลงโซเชียลได้สวยๆ เลย
โหมดการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าของ Galaxy J6+ สามารถปรับโทนสีผิวได้ 8 ระดับ และปรับความเรียบเนียนได้ 8 ระดับตามต้องการ ผลงานก็ออกมาสวยงามตามภาพครับ โทนภาพเซลฟี่ของมือถือ Samsung จะออกแนวค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฟรุ๊งฟริ๊ง ฟุ้งเบลอมากมายเหมือนบางแบรนด์
กล้องหน้ามีโหมด “โฟกัสสำหรับเซลฟี่” ที่เป็นการถ่ายเซลฟี่แบบละลายฉากหลังสวยๆ กันไปเลย จะเห็นว่าระบบการเบลอฉากหลังทำงานได้ค่อนข้างดี แต่จะเห็นว่าในบางภาพ ปอยผมที่กระจายออกไปนั้นเบลอไปพร้อมกับฉากหลัง
กล้องหน้ากล้องหลังของ Galaxy J4+

Samsung Galaxy J4+ กล้องมีหลังตัวเดียวความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และไม่มีโหมดการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอเหมือนอย่างที่มีในรุ่น J6+ แต่อย่างไรก็ดี การถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ กล้องของ J4+ ก็สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัดสวยงาม และเก็บรายละเอียดภาพได้ดีเลย
มีโอกาสได้ลองเอา J4+ ไปถ่ายรูปเล่นในสภาพแสงน้อย ผลงานก็ออกมาสวยงามดีทีเดียว ไม่ได้มีเม็ดสีรบกวน (Noise) ให้เห็นมากมายตรงส่วนมืดของภาพ แต่มีอาการเนื้อสีหยาบให้เห็นพอสมควรเมื่อถ่ายในสภาพแสงน้อย
โหมดการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าของ Galaxy J4+ นั้นไม่สามารถปรับโทนสีผิว และไม่สามารถปรับระดับความเรียบเนียนได้ ผลงานก็ออกมาสวยงามตามภาพเลยครับ
กล้องหน้า J4+ มีโหมด “โฟกัสสำหรับเซลฟี่” สามารถถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ในแบบเดียวกับ J6+ ก็ละลายฉากหลังได้ดี แต่ก็มีอาการปอยผมเบลอเช่นเดียวกับที่เจอในรุ่น J6+ และในภาพแรกที่น้องนางแบบยกมือแยกออกจากลำตัว ส่วนมือก็ยังเบลอตามฉากหลังไปด้วย
แอพ BNK48 สุด Exclusive บน J6+ และ J4+
Wallpaper ภาพน้องเฌอปราง คอนเทนต์สุด Exclusive ทีมีอยู่ในแอพ BNK48
จุดขายสำคัญของทั้งสองไอดอลสมาร์ทโฟน คือ Samsung Galaxy J6+, J4+ รวมถึง J8 ด้วยก็คือมีแอพ BNK48 ที่สุด Exclusive เพราะไม่มีในสมาร์โฟนรุ่นอื่น และไม่สามารถหาติดตั้งได้จาก Play Store อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโอตะวง BNK48 อย่างแท้จริง
โดยในแอพฯ มีคอนเทนต์ให้ใช้งานได้ฟรีอยู่จำนวนหนึ่งครับ โดยของผมได้เป็นภาพ Wallpaper พรี 2 อัน คือเป็นภาพ Wallpaper ของน้องอร และภาพของน้องเฌอปราง และอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ได้ฟรีคือ เสียงรอสาย หรือ Voice calling ที่จะเปลี่ยนจากเสียงรอสายกริ๊งๆ ให้เป็นเสียงเรียกให้มารับสายแบบน่ารักๆ ของน้อง BNK48 โดยเสียง Voice calling ที่เราได้มาฟรีจำนวน 1 เสียง นั้นก็เป็นเสียงหวานๆ ของน้องเฌอปราง ที่จะทำให้เหล่าโอตะของน้องเขาต้องเกิดอาการเคลิบเคลิ้มอย่างแน่นอน ใครอยากรู้ว่าเสียงของน้องเฌอปรางจะหวานขนาดไหน ลองฟังได้ในคลิปวีดีโอรีวิวของเราเลยครับ (ไม่แน่ใจนะครับว่าคอนเทนต์ฟรีที่แต่ละคนได้รับ จะเป็นแบบเดียวกับของผมหรือไม่)
นอกจากคอนเทนต์ฟรีแล้ว ก็ยังมีคอนเทนต์เสริมให้เสียงซื้อในแอพฯ กันด้วย โดยวางขายให้เลือกซื้อกันหลายชุด ตัวอย่างเช่น
- PACKAGE A1 ที่มี Wallpaper 5 ภาพ + Voice calling 5 เสียง ในราคา 300 บาท
- PACKAGE B2 ที่มีภาพ Digital photo 3 ภาพ ในราคา 90 บาท
- PACKAGE B3 ที่มีภาพไฟล์ GIF 3 ภาพ ในราคา 90 บาท
- PACKAGE B4 ที่มี Voice calling 3 เสียง ในราคา 90 บาท
- PACKAGE B5 ที่มี Wallpaper 3 ภาพ ในราคา 90 บาท
แบ่ง 2 หน้าจอเล่น 2 แอพฯ พร้อมกัน
ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy J6+ และ J4+ คือการแบ่งหน้าจอเป็น 2 ซีกบน/ล่าง แล้วเปิดเล่น 2 แอพฯ พร้อมกัน มีประโยชน์อย่างเช่นเราเปิดแอพ YouTube ดูวีดีโอตรงซีกจอบน พร้อมกับเปิดแอพ Line เพื่อแชทกับเพื่อนที่ซีกจอล่าง เรามาดูกันว่าการเปิดเล่นแอพฯ 2 ตัวพร้อมกันในหน้าจอเดียวต้องทำยังไง
ขั้นตอนแรกให้เปิดแอพ YouTube ขึ้นมา แล้วกดที่ปุ่ม Menu (หมายเลข 1) จากนั้นแตะที่ปุ่มแยกหน้าจอ (หมายเลข 2) จากนั้นแอพ YouTube ก็จะถูกส่งขึ้นไปที่ซีกบนของหน้าจอตามภาพกลาง ให้เราเลือกแอพฯ ที่จะแสดงในหน้าจอซีกล่าง (หมายเลข 3) อย่างในตัวอย่างนี้เป็นแอพฯ Facebook เราก็จะได้ผลลัพธ์ตามภาพขวา โดยมี YouTube แสดงที่หน้าจอซีกบน และ Facebook แสดงที่หน้าจอซีกล่างตามต้องการ และเมื่อต้องการออกจากการแสดงผลแบบแบ่งซีกหน้าจอ ให้แตะที่ปุ่ม หมายเลข 4
ลงแอพฯ แชท 2 ตัวได้ด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy J6+ และ J4+ คือฟีเจอร์ Dual Messenger ที่เราสามารถติดตั้งแอพ Facebook หรือแอพฯ แชทอย่าง Line และ Skype ได้ 2 แอพฯ ในเครื่องเดียว สามารถออนไลน์ได้ 2 แอคเคาท์พร้อมกันเลย โดยแอคเคาท์หนึ่งอาจจะใช้สำหรับการทำงาน อีกแอคเคาท์อาจใช้ส่วนตัว เรียกว่าแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟน 2 เครื่อง มีแค่ J6+ หรือ J4+ เพียงเครื่องเดียวก็เอาอยู่ เรามาดูกันว่าการลงแอพฯ 2 ตัวในเครื่องเดียวกันเขาทำอย่างไร
ขั้นแรก ให้ไปที่การ ตั้งค่า ของระบบ Android จากนั้นแตะที่คำสั่ง คุณสมบัติขั้นสูง (หมายเลข 1) ก็จะมายังหน้าจอตามภาพกลาง แตะที่คำสั่ง Dual Messenger (หมายเลข 2) ก็จะมาสู่หน้าจอตามภาพขวา จะมีการแสดงรายชื่อแอพฯ ที่รองรับการทำ Dual Messenger (แอพฯ ต้องมีการติดตั้งลงในเครื่องแล้วถึงจะมีการแสดงรายชื่อ) เราต้องการติดตั้งแอพฯ ตัวที่สองของแอพฯ ตัวไหน ก็แตะเลื่อนเปิดสวิทซ์ที่ด้านท้ายของรายชื่อแอพฯ นั้นได้เลย
ประสิทธิภาพการใช้งาน การเล่นเกมส์ และคุณภาพเสียง J6+ และ J4+
เมื่อพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพก็ต้องมีการวัดผลคะแนนด้วยแอพ Antutu Benchmark กันสักหน่อย ด้วยความที่ทั้ง J6+ และ J4+ นั้นใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกันคือ Qualcomm Snapdragon 425 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นค่อนข้างต่ำ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งคู่ทำคะแนนออกมาได้ค่อนข้างต่ำ คือที่ประมาณ 42,000 คะแนน แต่ด้วยความที่ J6+ มาพร้อมกับ RAM ขนาดใหญ่ 4GB ในขณะที่รุ่น J4+ มาพร้อมกับ RAM เพียง 2GB ทำให้ J6+ ทำคะแนนทดสอบในหัวข้อ MEM ได้สูงกว่า J4+ อย่างชัดเจน ส่งให้ J6+ ทำคะแนนรวมได้สูงกว่า J4+ อยู่ 626 คะแนนด้วยกัน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากมายแต่อย่างใด
แต่กับประสบการณ์การใช้งานจริง ต้องบอกว่าเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนครับ J6+ ที่มาพร้อม RAM ขนาดใหญ่ 4GB นั้นให้การใช้งานที่ลื่นไหลดีเลย การเปิดแอพฯ การสลับไปมาระหว่างแอพฯ รวดเร็วทันใจดี ซึ่งต่างจาก J4+ ที่มี RAM เพียง 2GB การเรียกเปิดแอพฯ ก็จะมีจังหวะหน่วงๆ และในบางจังหวะที่มีสายโทรเรียกเข้า เครื่องจะเกิดอาการหนืดๆ รวนๆ กว่าจะคุยได้ก็เสียเวลาไปพอสมควร เช่นเดียวกับตอนที่เปิดแอพฯ กล้องถ่ายภาพ ก็ต้องใช้เวลาสักพักให้กล้องเตรียมความพร้อมก่อนจะเริ่มถ่ายภาพได้ ซึ่งการที่ต้องรอบางครั้งก็อาจทำให้พลาดจังหวะการเก็บภาพสวยๆ ได้เลย ในขณะที่ J6+ ไม่มีปัญหาเครื่องหน่วง โดยสรุปคือ ถ้าไม่ชอบการรอคอย ก็เก็บเงินเพิ่มอีกประมาณ 3,000 บาท เพื่อซื้อ J6+ ก็จะได้เครื่องที่ลื่นกว่า ใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ
กับการลองเล่นเกมส์มีเรื่องที่น่าประทับใจคือทั้ง J6+ และ J4+ สามารถเล่นเกมส์แนว Battle royale อย่าง Free Fire ได้อย่างลื่นไหลที่คุณภาพการแสดงผลของเกมส์ที่ระดับสูงสุด (ตามคลิปด้านบนนี้ลองเล่นด้วย J4+)
หูฟังที่แถมมาให้กับ J6+ และ J4+ คุณภาพเสียงอยู่ในระดับพอยอมรับได้นะ
เรื่องสุดท้ายที่เราจะคอมเมนต์เจ้า Galaxy J6+ และ J4+ คือเรื่องของคุณภาพเสียงสำหรับการฟังเพลง โดยการเปิดฟังเพลงผ่านลำโพงบนตัวเครื่องของทั้ง J6+ และ J4+ นั้นให้เนื้อเสียงที่ค่อนข้างแห้ง และไม่ค่อยได้อรรถรสในการฟังเพลงสักเท่าไหร่ แนะนำว่าควรหาลำโพงบลูทูธดีๆ สักตัวมาใช้งาน
และสำหรับการฟังเพลงผ่านหูฟัง ก็ต้องบอกว่าหูฟังที่แถมมาให้กับตัวเครื่องนั้นคุณภาพเสียงอยู่ในระดับพอยอมรับได้ ไม่ค่อยมีเสียงเบสและเสียงสูงให้ได้ยินสักเท่าไหร่ แต่พอลองเปลี่ยนมาใช้หูฟังที่คุณภาพดีขึ้นมา ก็จะได้สัมผัสกับคุณภาพเสียงที่แท้จริงของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ ที่ต้องบอกว่าชิปเสียงที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องนั้นคุณภาพดีใช้ได้เลย ให้โทนเสียงร้องที่น่าฟัง เสียงเบสก็มีน้ำหนักดี โทนเสียงสูงก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี โดยสรุปก็คือทั้ง J6+ และ J4+ เป็นสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางๆ ที่ให้ความสุขกับการฟังเพลงได้ดีเลยหล่ะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องจับคู่กับหูฟังคุณภาพดีนะ ซึ่งต่างจากสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางบางรุ่นที่ความมีชีวิตชีวาของโทนเสียงยังทำได้ไม่ดีเท่านี้
บทสรุป Samsung Galaxy J6+ และ J4+
ต้องบอกว่าทั้ง Samsung Galaxy J6+ และ J4+ เป็นไอดอลสมาร์ทโฟน ในราคาระดับกลางและระดับล่างที่เน้นเรื่องจอใหญ่ และการแสดงผลของหน้าจอที่สวยดีเลย ในเรื่องของกล้องก็สวยใช้ได้ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า โดย J6+ นั้นมาพร้อมกล้องหลังคู่ ที่ใช้ถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้จริง และที่ลืมไม่ได้คือแอพ BNK48 คอนเทนต์สุด Exclusive ที่มี Voice calling เสียงเรียกให้มารับสายจากน้องๆ สมาชิกวง BNK48 ที่จะละลายหัวใจ ทำให้เหล่าบรรดาโอตะเกิดอาการอ่อนระทวยได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อพูดถึงเรื่องสเปคก็ต้องบอกว่าทาง Samsung ยังออกอาการกั๊กสเปคอยู่พอสมควร แนะนำว่ากัดฟันเก็บเงินซื้อ J6+ ไปเลยจะใช้งานได้ยาวกว่า